สิทธิมนุษยชน


ความมุ่งมั่นของเรา
บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนในฐานะสิทธิพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับการปกป้องและเคารพ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการดำรงชีวิต ความปลอดภัย เสรีภาพส่วนบุคคล และความเสมอภาค บริษัทมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในหมู่พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการบริหารหนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ปราศจากการเลือกปฏิบัติ พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง ยอมรับความหลากหลาย เพื่อให้พนักงานทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ
บริษัทได้พัฒนานโยบายด้านสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และมุ่งสร้างความตระหนักรู้แก่พนักงานทุกระดับ ผ่านการอบรมและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานเข้าใจบทบาทของตนเองในการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด รวมถึงการปฏิบัติต่อลูกค้าและคู่ค้าอย่างมีจริยธรรมและโปร่งใส
นอกจากนี้ บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชนในทุกมิติ และได้ผนวกหลักการนี้เข้าไว้ในกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นธรรม โปร่งใส และให้ความเคารพในศักดิ์ศรีของมนุษย์ โดยเฉพาะในด้านสิทธิในชีวิต ความปลอดภัย เสรีภาพส่วนบุคคล และความเสมอภาคภายในองค์กร
บริษัทยังมุ่งมั่นพัฒนานโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการปกป้องสิทธิมนุษยชน ทั้งในด้านการปฏิบัติต่อพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท ตั้งแต่การคัดเลือกพนักงานไปจนถึงการปฏิบัติต่อคู่ค้าและชุมชนโดยรอบ ซึ่งนโยบายดังกล่าวมีการตรวจสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชน
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG 1
SDG 5
SDG 8
SDG 10
SDG 16
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน


เป้าหมาย
- จำนวนข้อพิพาทกับชุมชนเป็นศูนย์
- ต้องไม่มีข้อร้องเรียนและการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มีนัยสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ผลการดำเนินงาน
ในปี 2567 และที่ผ่านมา บริษัทไม่มีข้อร้องเรียนและการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชนอื่นที่มีนัยสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท

แนวทางการบริหารจัดการ
การประกาศนโยบายสิทธิมนุษยชน
บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ได้เป็นส่วนสำคัญในการวางนโยบายสิทธิมนุษยชนของกลุ่มบริษัทเจมาร์ท โดยเป็นไปตามกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชน กฎหมายและระเบียบท้องถิ่นจนถึงสากล ซึ่งขอบเขตของนโยบายสิทธิมนุษยชนของเจมาร์ท ครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด ที่รวมถึงพนักงานทุกคนในการดำเนินงานของบริษัทครอบคลุมบริษัทย่อย และบริษัทร่วม ตัวแทนทางธุรกิจ และ คู่ค้า ตั้งแต่คณะกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ เพื่อนำไปเป็นหลักเกณฑ์ในการปกิบัติงานร่วมกันอย่างเคร่งครัดภายใต้ความซื่อสัตย์ สุจริต ตามหลักธรรมาภิบาลและจริยธรรมอันดีอย่างแท้จริง
โดยยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ สอดคล้องกับหลักการเคารพสิทธิมนุษยชน และแนวทางการดำเนินงานตามหลักการว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (The United Nations Framework and Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) ครอบคลุมประเด็นสำคัญต่างๆ ได้แก่ การปฏิบัติต่อพนักงานอย่างมีมนุษยธรรม ปราศจากการทารุณกรรม การใช้ความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ การขู่เข็ญทางร่างกาย จิตใจ หรือการข่มเหงด้วยวาจา ตลอดจนการรักษามาตรฐานด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยในการปฏิบัติงานจัดให้มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี รวมถึงนโยบายสิทธิมนุษยชนเพื่อห้ามมิให้บริษัท หรือพนักงานเข้าไปมีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือละเมิดผู้ร่วมงานในทางใดทางหนึ่งอย่างเด็ดขาด เช่น การใช้แรงงานข้ามชาติที่ผิดกฎหมาย การใช้แรงงานเด็ก เป็นต้น
การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence : HRDD)
บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จ ากัด (มหาชน) ได้ยกระดับความเข้มข้นต่อเนื่องจากการจัดทำนโยบายสิทธิมนุษยชนที่มุ่งเน้นแนวทางการปฏิบัติที่ดีด้วยความเคารพต่อพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทเข้าสู่การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน โดยอ้างอิงแนวทางการตรวจสอบจาก UN Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGP) สามารถแบ่งมิติการตรวจสอบออกเป็น 3 ประเด็น ดังนี้
-
1การตรวจสอบสถานะด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน (Environment)
-
2การตรวจสอบสถานะด้านสิทธิแรงงานอย่างรอบด้าน (Labor)
-
3การตรวจสอบสถานะด้านสิทธิมนุษยชนอื่นอย่างรอบด้าน (Human Rights)
ซึ่งปัจจุบันการดูแลรับผิดชอบเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพนักงานของบริษัทหรือเฉพาะกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทางตรงของบริษัท เพียงอย่างเดียวเท่านั้นอาจยังไม่เพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอีกต่อไป ดังนั้นการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านนี้ จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการระบุประเด็นในแต่ละมิติ เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจในการตรวจสอบกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กรว่า ประเด็นความรับผิดชอบใดบ้างที่บริษัทดำเนินการได้อย่างถูกต้อง ประเด็นในด้านใดที่บริษัทยังคงต้องพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น หรือประเด็นใดบ้างที่บริษัทยังดำเนินการไม่ครบถ้วน ซึ่งประเด็นที่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนบริษัทอาจจะสร้างผลกระทบด้านลบต่อบุคคลในกลุ่มต่าง ๆ โดยไม่ทันระวัง
ทั้งนี้เมื่อบริษัททราบถึงประเด็นที่บริษัทอาจจะกำลังสร้างผลกระทบต่อกลุ่มผู้มีส่วนใดเสียกลุ่มใดก็ตาม บริษัทจะกำหนดแนวทางป้องกันเพื่อลดผลกระทบให้น้อยลงหรือไม่ให้มีกรณีนั้น ๆ เกิดขึ้นซ้ำอีก พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการเยียวยาผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจไว้เป็นแนวทางในการดำเนินงานแก่ฝ่ายงานที่เกี่ยวข้อง
ขอบเขตกระบวนการจัดการสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
-
1กำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน
-
2ระบุประเด็นและทำการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมของบริษัท
-
3มาตรการป้องกันและการลดผลกระทบเชิงลบที่อาจจะเกิดขึ้น
-
4การตรวจสอบ การติดตามการดำเนินงาน และการทบทวนประเด็น
-
5การสื่อสารต่อผู้มีส่วนได้เสียและสาธารณะ
-
6การบรรเทาและการเยียวยา
ดังนั้น การจัดทำรายการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านฉบับนี้ จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการระบุประเด็นที่ครอบคลุมขอบเขตการดำเนินงานของบริษัทที่อาจสร้างผลกระทบหรืออาจเกิดผลกระทบเชิงลบแก่ผู้มีส่วนได้เสียในอนาคต และระบุประเด็นไปถึงคู่ค้าสำคัญของบริษัท เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนขององค์กรในการค้นพบประเด็นที่บริษัทยังคงต้องพัฒนาและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น หรือประเด็นใดบ้างที่มีความสุ่มเสี่ยงและยังดำเนินการได้ไม่ดีพอหรือไม่ครบถ้วน
ทั้งนี้ เมื่อบริษัททราบถึงประเด็นที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มใดก็ตาม บริษัทจะกำหนดแนวทางป้องกันเพื่อลดผลกระทบให้น้อยลงหรือป้องกันไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวซ้ำอีก พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการเยียวยาผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจไว้เป็นแนวทางในการดำเนินงานแก่ฝ่ายงานที่เกี่ยวข้อง
ระดับความรุนแรงของการระบุประเด็นความเสี่ยง แบ่งออกเป็น 4 ระดับดังนี้
-
1
ความเสี่ยงระดับสูงมาก (ระดับที่ 4) = ความเสี่ยงสีแดง
เป็นความเสี่ยงที่บริษัทอาจกระทำการใด ๆ ที่ละเมิดต่อกฎหมายไทยหรือกฎหมายสากล จนเกิดเป็นข้อพิพาทร้องเรียนทางด้านกฎหมายทั้งในการแข่งขันทางธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อคู่แข่งทางธุรกิจในประเภทอุตสาหกรรมเดียวกัน ที่เข้าข่ายการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายรุนแรงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
-
2
ความเสี่ยงระดับสูง (ระดับที่ 3) = ความเสี่ยงสีส้ม
เป็นระดับความเสี่ยงที่เกิดจากการทำธุรกิจที่ผิดต่อจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจซึ่งส่งผลกระทบต่อคู่แข่งทางการค้าหรือลูกค้า รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจอย่างไม่รับผิดชอบที่ส่งผลกระทบผู้มีส่วนได้เสียของบริษัททุกกลุ่ม แต่ยังไม่เข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายไทยหรือกฎหมายสากล
-
3
ความเสี่ยงระดับปานกลาง (ระดับที่ 2) = ความเสี่ยงสีเหลือง
เป็นระดับความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบเชิงลบในด้านชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัท ส่งผลทำให้บริษัทขาดความน่าเชื่อถือจากสังคมและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัททุกกลุ่ม สูญเสียการสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ไขหรือเหยียวยาปัญหามากกว่าความเสี่ยงระดับที่ 1
-
4
ความเสี่ยงระดับต่ำ (ระดับที่ 1) = ความเสี่ยงสีเขียว
เป็นระดับความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบในวงแคบ หรือการผลกระทบเพียงเล็กน้อยภายในองค์กร บริษัทสามารถจัดการต่อปัญหาได้อย่างรวดเร็วอยู่ในระดับที่สามารถรับมือได้ ไม่เกิดผลกระทบที่เกิดความบานปลายจนไม่สามารถควบคุมหรือจัดการได้
ประเด็นความเสี่ยง
ประเด็นความเสี่ยงจากกิจกรรมที่บริษัทยังไม่มีการดำเนินงาน: